ไวท์ ฮาร์ท เลน: ป้อมฟุตบอลประวัติศาสตร์

ไวท์ ฮาร์ท เลน ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบฟุตบอล ได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์กีฬา สนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มานานกว่าศตวรรษ สนามกีฬาอันเป็นสัญลักษณ์แห่งนี้ได้พบเห็นชัยชนะ ความโศกเศร้า และช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์อย่างแท้จริง เริ่มต้นการเดินทางผ่านเรื่องราวในอดีตและปัจจุบันที่น่าหลงใหลของไวท์ ฮาร์ท เลน

จุดเริ่มต้นในตำนาน

ไวท์ ฮาร์ท เลน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2442 เป็นคำตอบของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ต่อความทะเยอทะยานที่เพิ่มขึ้นของสโมสร สนามกีฬาแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขต Haringey ของลอนดอน เดิมทีมีความจุไม่มาก อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรับปรุงและขยายอย่างต่อเนื่อง สนามแห่งนี้ได้พัฒนาเป็นสนามฟุตบอลที่น่าเกรงขามที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ

ค่ำคืนอันรุ่งโรจน์และความสำเร็จที่น่าจดจำ

ไวท์ ฮาร์ท เลนได้เห็นส่วนแบ่งของความรุ่งโรจน์ของฟุตบอล ในฤดูกาล 1960-61 ท็อตแนมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ลีกและเอฟเอคัพได้สำเร็จ ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของสโมสรในยูโรเปี้ยนคัพวินเนอร์สคัพในปี 1963 และชัยชนะในประเทศอื่น ๆ อีกมากมายได้ทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกไว้ในประวัติศาสตร์ของสนามกีฬา

บรรยากาศ

บรรยากาศที่เข้มข้นและเสียวสันหลังวาบที่ไวท์ ฮาร์ท เลนเป็นข้อพิสูจน์ถึงการสนับสนุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงของฐานแฟนตัวยงของท็อตแนม ผู้ซื่อสัตย์ของสเปอร์สซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลง สร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาที่ข่มขู่คู่ต่อสู้และกระตุ้นทีมของพวกเขาให้สูงขึ้น

กล่าวลาไวท์ ฮาร์ท เลน

ในปี 2560 ไวท์ ฮาร์ท เลน กล่าวคำอำลาต่อสาวกผู้ซื่อสัตย์ สนามกีฬาได้รับการปรับปรุงโครงการเพื่อเพิ่มความจุและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทันสมัย สโมสรได้ย้ายไปที่สนามเวมบลีย์เป็นการชั่วคราว และความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเปิดตัวสถานที่อันล้ำสมัยแห่งใหม่

การเติบโตของท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม

บ้านหลังใหม่ของสโมสรแห่งนี้มีชื่อว่า ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม โผล่ออกมาจากพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ของไวท์ ฮาร์ท เลน เปิดให้บริการในปี 2019 โดยยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของรุ่นก่อน ในขณะที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและความจุที่เพิ่มขึ้น ไก่ตัวผู้สีทองอันเป็นสัญลักษณ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรได้รับการบูรณะอย่างระมัดระวังและตั้งตระหง่านอยู่บนอัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ มองเห็นสนามได้

คืนสู่เหย้าแห่งความรุ่งโรจน์

เมื่อสโมสรกลับไปยังป้อมปราการที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ สโมสรได้เปิดยุคใหม่แห่งความทะเยอทะยานและความทะเยอทะยาน สนามกีฬาแห่งนี้ใช้จัดการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก พร้อมชมการกลับมาที่ไม่มีวันลืมและช่วงเวลาที่น่าจดจำ มันกลายเป็นเวทีให้เหล่าดาราได้ฉายแสง ขณะที่ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์โชว์ศักยภาพของพวกเขาในการเผชิญหน้ากับทีมชั้นนำของยุโรป

วิญญาณนิรันดร์

แม้ว่าไวท์ ฮาร์ท เลนจะยังคงอยู่ในความทรงจำ แต่จิตวิญญาณของมันยังคงฝังแน่นอยู่ภายในสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม สนามใหม่เป็นเครื่องยืนยันถึงมรดกของสโมสรและความหลงใหลของแฟนๆ โดยคงไว้ซึ่งมนต์ขลังของสนามดั้งเดิมในขณะที่เปิดรับอนาคต

สรุป

ไวท์ ฮาร์ท เลน จะถูกจดจำไปตลอดกาลว่าเป็นสถานที่เกิดและเติมเต็มความฝันของฟุตบอล มรดกตกทอดมาจากท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม สิ่งมหัศจรรย์สมัยใหม่ที่อบอวลไปด้วยประวัติศาสตร์ที่มีเรื่องราวและจิตวิญญาณอันแน่วแน่ของรุ่นก่อน ในขณะที่ฟุตบอลพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ไวท์ฮาร์ทเลนมีความสำคัญในฐานะป้อมปราการฟุตบอลอันเป็นที่รักไม่มีวันเสื่อมคลาย ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป

Oktoberfest เทศกาลเบียร์ระดับโลกสำหรับคอเบียร์โดยเฉพาะ

หากพูดถึงเบียร์รสเลิศ นักดื่มเบียร์คงไม่ลังเลที่จะยกตำแหน่งให้กับเบียร์ที่ผลิตจากถิ่นต้นกำเนิดอย่างประเทศเยอรมนีแน่นอน และถ้าถามถึงเทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คงไม่มีงานไหนยิ่งใหญ่ไปกว่า Oktoberfest ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีระหว่างสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายนไปจนถึงวันอาทิตย์สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม เป็นเวลา 16-18 วัน ณ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 6 ล้านคน และจำหน่ายเบียร์มากกว่า 8 ล้านแก้วในแต่ละปี

เทศกาล Oktoberfest จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1810 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพิธีอภิเษกสมรสของสยามมงกุฎราชกุมารลุดวิก แห่งบาวาเรีย ซึ่งในภายหลังได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ลุดวิก โดยเชื้อเชิญชาวเมืองมิวนิคมาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่จัดขึ้นบริเวณประตูเมือง นอกจากนั้นยังจัดให้มีการแข่งม้าของเหล่าบรรดาราชวงศ์ด้วย หลังจากงานเลี้ยงเฉลิมฉลองอันน่าประทับใจผ่านไป เจ้าชายลุควิกจึงรับสั่งให้จัดงานขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีต่อมาได้เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการเกษตรของแคว้นบาวาเรียเข้ามาด้วย จนกระทั้งในปี ค.ศ. 1896 เทศกาลก็เต็มไปด้วยเต็นท์เบียร์จากโรงผลิตเบียร์ทั่วประเทศมาจนถึงปัจจุบัน

ภายในงานนอกจากจะเนืองแน่นไปด้วยเต็นท์จำหน่ายเบียร์ชั้นยอดแล้ว จุดเด่นสำคัญของเทศกาล Oktoberfest คือ เบียร์ที่จำหน่ายภายในเทศกาลจะผลิตขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น โดยเป็นเบียร์ที่คงความบริสุทธิ์ไว้ ไม่มีสิ่งใดเจือปนนอกจาก Malt Hops ตามกฎ Reinheitsgebot ของแคว้นบาวาเรีย รวมถึงภายใต้ข้อกำหนดของเมืองมิวนิค ซึ่งจะมีการตรวจสอบและคัดเลือกเบียร์อย่างเข้มงวด โดยความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเบียร์ทุกแก้วที่เสิร์ฟต้องไม่ต่ำกว่า 13.5% Stammwürze หรือเทียบเท่ากับแอลกอฮอล์ 6% ซึ่งแอลกอฮอล์ในเบียร์ที่เราคุ้นเคยจะอยู่ที่ประมาณ 3-5% ทำให้เบียร์ในงานจะแรงกว่าปกติ นักดื่มจึงควรเตรียมตัวรับมือให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจเสียอาการโดยไม่ทันตั้งตัวได้

นอกจากจะได้ดื่มด่ำไปกับเบียร์หลากหลายแบรนด์ เคียงด้วยอาหารหลากหลายชนิด ทั้งไก่ย่างเนย, ไส้กรอกเยอรมัน, ขาหมูเยอรมัน และเพรทเซลโรยเกลือแล้ว ภายในเทศกาลบนเนื้อที่ขนาด 42 เฮคเตอร์ยังมีกิจกรรมมากมายเพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่อลังการที่ให้ผู้ร่วมขบวนกว่า 1,000 ชีวิตแต่งกายด้วยชุดโบราณและเต้นรำอย่างสนุกสนาน, เวทีคอนเสิร์ตกลางแจ้ง บริเวณรูปปั้นบาวาเรีย ซึ่งมีวงดนตรีกว่า 400 วงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นแสดงให้ผู้ร่วมงานเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีตลอดทั้งงาน รวมไปถึงการเนรมิตลานกว้างให้กลายเป็นสวนสนุกขนาดย่อม โดยขนเครื่องเล่นยอดนิยมอย่างม้าหมุนลอยฟ้า และชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ มาให้บริการทั้งวันทั้งคืน เพื่อสัมผัสบรรยากาศแสนโรแมนติกจากแสงไฟยามค่ำคืน

หากคุณเป็นคอเบียร์ตัวจริง คุณต้องไม่พลาดการสัมผัสบรรยากาศของเทศกาล Oktoberfest สักครั้งในชีวิต เพราะนี่คือแดนสวรรค์ของสาวกน้ำอัมพันอย่างแท้จริง

Performance Beer เบียร์สำหรับนักกีฬาสายดริงค์

แต่ไหนแต่ไรเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับนักกีฬา เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อสภาพความฟิตของร่างกายและการตัดสินใจระหว่างการแข่งขัน ในอดีตนักกีฬาชื่อดังที่มากด้วยความสามารถหลายต่อหลายคนไปได้ไม่ไกลในเส้นทางอาชีพ อันเนื่องมาจากการติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเอง แต่ในปัจจุบันได้มีการผลิต Performance Beer ที่ถูกบรรยายสรรพคุณว่าเป็นเบียร์สำหรับนักกีฬา เพื่อเอาใจนักกีฬาที่ชื่นชอบการดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะ

ปกติแล้วการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายผลิตสารไกลโคเจนได้ไม่เต็มที่ ซึ่งสารไกลโคเจนนี้ถือเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในการช่วยให้ร่างกายของนักกีฬามีความแข็งแรง พร้อมสำหรับการแข่งขัน นอกจากนั้นยังมีผลต่อการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำอันนำมาซึ่งความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกและกล้ามเนื้อ แถมแคลอรี่ที่สูงยังมีผลต่อรูปร่างของนักกีฬาอีกด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการดื่มเบียร์เย็น ๆ ถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี นั้นจึงเป็นที่มาของ Performance Beer นั้นเอง

Performance Beer เป็นเบียร์ที่ผลิตด้วยการลดปริมาณแอลกอฮอล์ กลูเตน น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรต โดยไม่กระทบต่อรสชาติ ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่นักกีฬาและผู้รักการออกกำลังกาย จนผู้ผลิตคราฟท์เบียร์หลายเจ้าหันมาให้ความสนใจกับผู้บริโภคกลุ่มนี้มากขึ้น บางยี่ห้อมีการเติมส่วนผสมของเกลือทะเลที่จะเปลี่ยนเป็นอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งช่วยในการฟื้นฟูร่างกายหลังจากออกกำลังได้อีกด้วย ไม่เว้นแม้แต่ผู้ผลิตเบียร์แบรนด์ดังระดับโลกยังลงมาร่วมชิงส่วนแบ่งทางการตลาดด้วยเบียร์แอลกอฮอล์ 0% และมีแคลอรี่ต่ำ

หนึ่งในผู้ผลิต Performance Beer รายแรก ๆ ที่เรียกเบียร์ของตัวเองว่าเป็นเบียร์สำหรับนักวิ่ง ได้ชูจุดขายว่าช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการวิ่งดีขึ้น แถมยังกู้คืนพลังหลังจากวิ่งได้ ด้วยการตัดส่วนผสมในเครื่องดื่มที่ไม่ดีทิ้งไป แล้วเติมแต่ส่วนผสมที่มีประโยชน์เข้ามาแทน ซึ่งจะช่วยให้นักวิ่งสามารถทำลายสถิติการวิ่งของตัวเอง

แม้สรรพคุณที่แบรนด์ต่าง ๆ พยายามสื่อสารไปถึงผู้บริโภคจะมุ่งเน้นถึงการเป็นเครื่องดื่มสำหรับคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ แต่ในมุมมองของนักโภชนาการแล้วกลับมองว่าสรรพคุณดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับเครื่องดื่มเกลือแร่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดกลูเตน ที่หากผู้ดื่มไม่ใด้เป็นโรคแพ้กลูเตนก็แทบจะไม่เห็นผลอะไร, การอิเล็กโทรไลต์ที่จะช่วยทดแทนส่วนที่เสียไปได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำสำหรับนักกีฬาที่มีอยู่แล้ว รวมไปถึงการฟื้นฟูร่างกายจากการเพิ่มคาร์โบไฮเดรต ที่ต้องดื่มเป็นจำนวนหลายกระป๋องถึงจะเห็นผล นั้นจึงทำให้เหล่านักโภชนาการลงความเห็นว่ามีสิ่งอื่นที่ให้ประโยชน์ทัดเทียมกันในราคาที่ถูกกว่า

แม้สรรพคุณที่เหล่าแบรนด์ต่าง ๆ ยกมาโฆษณาอาจจะดูเกินจริงไปบ้าง แต่ Performance Beer ก็ถือเป็นเบียร์ทางเลือกที่จะช่วยให้เหล่านักกีฬาหรือผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายสามารถดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มโปรดได้อย่างสบายใจนั้นเอง

เบียร์…สายสัมพันธ์อันแบบแน่น ระหว่างสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ กับแฟนบอลจิ้งจอก

คงไม่มีแฟนบอลทีมใดจะเป็นที่อิจฉาจากแฟนบอลอังกฤษได้เท่ากับแฟนบอลเลสเตอร์ ซิตี้ อีกแล้ว เพราะนอกจากทีมรักจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยแรกได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นเพียงสโมสรที่ 6 ที่สามารถทำได้ เหล่าแฟนจิ้งจอกยังได้รับการดูแลใส่ใจอย่างดีจากสโมสร ที่มักจะแจกเบียร์ฟรีพร้อมขนมในเกมเหย้าอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นประเพณีของสโมสรไปแล้ว

นับตั้งแต่กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ จากประเทศไทย ภายใต้การนำของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้ตัดสินใจซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ต่อจากมิลาน มันดาริช นักธุรกิจชาวอเมริกัน เมื่อปี 2010 ในราคา 40 ล้านปอนด์ ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านปอนด์ เพื่อกลายเป็นผู้ถือหุ้น 100% เต็มในเวลาต่อ ซึ่งในขณะนั้นเลสเตอร์ ซิตี้ยังเป็นเพียงสโมสรในลีกอันดับ 2 ของประเทศอังกฤษ โดยเจ้าของสโมสรคนใหม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างภายในสโมสร เริ่มจากขยายสนามให้สามารถจุผู้ชมได้ถึง 32,500 ที่นั่ง ก่อนจะเปลี่ยนชื่อสนามเป็น “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” หลังจากนั้นเพียง 4 ปี เลสเตอร์ ซิตี้ ก็สามารถคว้าแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยน ชิพ 2013-14 ได้สำเร็จ และกลับขึ้นสู่เวทีเพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งนัดสุดท้ายของฤดูกาลสโมสรได้ประกาศแจกเบียร์ฟรีให้กับแฟนบอลที่เข้ามาชมเกมในสนาม เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองแชมป์ร่วมกับแฟนบอล ด้วยความอนุเคราะห์จากเจ้าสัววิชัย ประธานสโมสร

หลังจากนั้นในฤดูกาลถัดมาน้องใหม่อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ วนเวียนอยู่ในโซนท้ายตารางแทบตลอด ทำให้ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้รอดพ้นจากการตกชั้น แต่ในที่สุดก็สามารถจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 14 หลังจากอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกสโมสรประกาศแจกเบียร์ฟรีให้กับแฟนบอลในสนามอีกครั้ง เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนบอลที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอดทั้งฤดูกาลแม้ในยามที่ทีมเผชิญกับความยากลำบาก

ด้วยการเป็นทีมที่ลุ้นหนีตกชั้นเมื่อฤดูกาลก่อน ทำให้ก่อนเริ่มฤดูกาล 2015-16 คงไม่มีใครคาดคิดว่าเลสเตอร์ ซิตี้ จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์ได้ ทั้งที่ทีมเพิ่งเปลี่ยนผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยในฤดูกาลดังกล่าวสโมสรได้แจกเบียร์จากความเอื้อเฟื้อของประธานสโมสรแก่แฟนบอลในสนามถึง 2 ครั้ง ช่วงบ็อกซิ่งเดย์ และนัดแรกของเดือนเมษายน ซึ่งขณะนั้นเลสเตอร์ ซิตี้ กำลังนำเป็นจ่าฝูงอยู่ ก่อนในที่สุดทีมจิ้งจอกน้ำเงินจะผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกประวัติศาสตร์อย่างเหนือความคาดหมาย

หลังจากนั้นการแจกเบียร์ฟรีให้แก่แฟนบอลจิ้งจอกในสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ช่วงบ็อกซิ่งเดย์ และช่วงวันเกิดของคุณวิชัยในเดือนเมษายน ก็ได้กลายมาเป็นประเพณีประจำสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ไปในที่สุด แม้ขณะนี้คุณวิชัยจะจากไปแล้วด้วยอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก แต่คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลูกชายที่ขึ้นรับตำแหน่งประธานสโมสรแทนก็ยังคงประเพณีนี้ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากเบียร์ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์เชื่อมโยงสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้กับเหล่าแฟนบอลแล้ว คุณวิชัยยังได้ให้การสนับสนุนโครงการสาธารณกุศลต่าง ๆ ในเมืองเลสเตอร์เป็นประจำ ทำให้คุณวิชัยกลายเป็นที่รักและนับถือจากชาวเมืองเลสเตอร์ ไม่ใช่แค่เหล่าแฟนบอลเท่านั้น จนเป็นที่มาของเหตุการณ์ที่ชาวเมืองเลสเตอร์จำนวนมากเดินทางมายังหน้าสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม หลังทราบข่าวอุบัติเหตุของคุณวิชัย เพื่อแสดงความอาลัยต่อโศกนาฎกรรมดังกล่าว