“คัมป์ นู” สนามฟุตบอลสุดยิ่งใหญ่ของยุโรป

หากมีการจัดอันดับสนามฟุตบอลที่แฟนบอลอยากไปเยือนสักครั้ง ต้องมีชื่อของ “คัมป์ นู” ติดโผอยู่ในลำดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากนี่คือสนามเหย้าของบาร์เซโลน่า สโมสรฟุตบอลระดับแนวหน้าของโลกจากประเทศสเปน แถมสนามแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นสนามฟุตบอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปอีกด้วย

คัมป์ นู (Camp Nou) ตั้งอยู่ในเมืองบาร์เซโลน่า แคว้นคาตาลัน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสเปน สนามแห่งนี้ได้รับฉายาว่า “อ่างชามยักษ์” จากการเป็นสนามฟุตบอลที่มีความจุผู้ชมถึง 99,354 ที่นั่ง ซึ่งหากแข่งขันในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกจะถูกลดลงเหลือ 96,636 ที่นั่ง ตามกฎมาตรการรักษาความปลอดภัยของยูฟ่า แม้จะมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่เมื่อมองจากภายนอกกลับดูไม่ใหญ่มากนัก นั้นเป็นเพราะพื้นที่ส่วนล่างของสนามอยู่ลึกลงไปใต้ดิน โดยก่อนหน้านี้สโมสรตั้งใจใช้ชื่อสนามอย่างเป็นทางการว่า “เอสตาดิ เดล เอฟซี บาร์เซโลน่า” แต่เนื่องจากแฟนบอลและผู้สื่อข่าวนิยมเรียกสนามแห่งนี้ว่า คัมป์ นู มากกว่า ชื่อนี้จึงถูกนำมาใช้เป็นชื่อสนามอย่างเป็นทางการในที่สุด โดยคำว่า คัมป์ นู เป็นภาษาคาตาลัน แปลว่า “สนามแห่งใหม่” เนื่องจากเป็นสนามที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนสนามเดิมของสโมสรบาร์เซโลน่า

ในยุคก่อตั้งสโมสรบาร์เซโลน่าใช้สนามคัมป์ เด ลา อินดุสเตรีย (Camp de la Indústria) เป็นสนามประจำทีม ซึ่งเป็นสนามกีฬาอเนกประสงค์ที่หลายชนิดกีฬาใช้พื้นที่ร่วมกัน มีความจุประมาณ 10,000 ที่นั่ง ก่อนจะสร้างสนามของตัวเองในชื่อ คัมป์ เด เลส คอร์ทส (Camp de Les Corts) ที่มีความจุ 20,000 ที่นั่ง ตามจำนวนแฟนบอลที่ติดตามเชียร์ในสนามมากขึ้น หลังจากสิ้นสุดสงครามกลางเมือง แฟนบอลสเปนแต่ทีมล้วนมีฐานแฟนคลับเพิ่มขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ทีมประจำแคว้นคาตาลัน ทำให้บาร์เซโลน่าตัดสินใจปรับปรุงสนามของตัวเองจนมีความจุ 60,000 ที่นั่ง จนกระทั้งในปี 1954 สโมสรต้องการขยายสนามเพื่อรองรับแฟนบอล แต่ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีพื้นที่เพียงพอในการขยับขยาย จึงเป็นที่มาของการสร้างสนามคัมป์ นู ในที่สุด

สนามคัมป์ นู เริ่มก่อสร้างในปี 1954 ด้วยงบประมาณ 288 ล้านเปเซตา มีผู้ว่าเฟลีเป อาเซโด โกลังกา เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ก้อนแรก ประกอบพิธีโดยเกรโกเรียว โมเดรโก อาร์ชบิชอปแห่งบาร์เซโลนา และเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 1957 ก่อนจะทำการออกแบบสนามใหม่ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของยูฟ่าในปี 1980 โดยครั้งนั้นสโมสรเปิดโอกาสให้แฟนได้มีส่วนร่วมกับการปรับปรุงสนามด้วยการเปิดบริจาคเงินจากแฟนบอลแลกกับมีชื่อสลักบนหิน ซึ่งนอกจากจะได้รับเงินบริจาคจำนวนมาก ยังทำให้แฟนบอลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสนามอย่างเป็นรูปธรรม

คัมป์ นู ไม่เพียงถูกใช้เป็นสนามเหย้าของบาร์เซโลน่าเท่านั้น สนามแห่งนี้ยังถูกรับเลือกให้จัดการแข่งขันฟุตบอลรายการสำคัญมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 1982 รอบแบ่งกลุ่ม และรอบรองชนะเลิศ, คัพ วินเนอร์ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ปี 1972, ยูโรเปี้ยน คัพ นัดชิงชนะเลิศ ปี 1989 รวมไปถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ปี 1999

แม้จะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารอยู่แล้ว แต่คัมป์ นู ก็ยังมีแผนขยายความจุของสนามเพิ่มขึ้นเป็น 105,000 ที่นั่ง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2023 นี้อีกด้วย ถือเป็นอีกก้าวของสนามแห่งนี้ในการเข้าใกล้สนามที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Rungrado May Day Stadium ของประเทศเกาหลีเหนือ ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 150,000 คน